ภายในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ซึ่งในปีนี้ มีค่ายรถยนต์รายใหม่ที่เปิดตัวภายในงานเป็นครั้งแรกซึ่งล้วนเป็นค่ายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งสิ้น สะท้อนถึงกระแสรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่เติบโตอย่างรวดเร็วโดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการจูงใจและเงินอุดหนุนจากรัฐบาล
ประเทศไทยคิดเป็น 58% ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2565 แซงหน้าทั้งเวียดนามและอินโดนีเซีย ตามรายงานของบริษัทวิจัยตลาด Counterpoint Research แต่ตลาด EV ยังคงเล็ก โดยคิดเป็นเพียง 0.5% ของยอดขาย EV ทั่วโลกในปี 2022
VinFast บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเวียดนาม เป็นหนึ่งในค่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่นอกเหนือจากแบรนด์จีน ประกาศวางแผนที่จะเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ครั้งที่ 45 ในปีนี้ วินฟาสน์ได้นำรถยนต์ที่ครอบคลุมตั้งแต่ A-SUV จนถึง E-SUV ตั้งแต่รุ่น VF5, VF e34, VF 6, VF 7, VF 8 และ VF 9 มาโชว์ภายในงาน เพื่อแนะนำตัวให้คนไทยได้รู้จักแบรนด์วินฟาสต์มากขึ้น
Ms.Vu Dang Yen Hang ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วินฟาสต์ ออโต้ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า "ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงไม่ว่าจะเป็นรถเครื่องยนต์สันดาป ไปจนถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แต่ประเทศไทยก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับวินฟาสต์ในการมาทำตลาดยานยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยมีการตอบรับที่ดีในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้า ลูกค้าชาวไทยค่อนข้างรู้จักและมีความรู้เรื่องรถยนต์อีวีเป็นอย่างดี ประกอบกับได้รับการสนับสนุนด้านนโยบายจากรัฐบาล"
สำหรับแผนการเริ่มต้นทำตลาดในประเทศไทยนั้น Ms.Ms.Vu Dang Yen Hang กล่าวว่า "ก่อนหน้าที่จำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย วินฟาสต์ได้มีการสำรวจตลาดและความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามีความตั้งใจที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 3 รุ่นในประเทศไทยภายในปีนี้ โดยวางแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่น VF e34 ภายในเดือนมิถุนายน จากนั้นตามด้วยรุ่น VF 5 ประมาณ 2-3 เดือนภายหลังการเปิดตัวรุ่น VF e34 ขณะที่รุ่น VF 6 และ VF 7 ก็อาจมีแผนเปิดตัวในช่วงปลายปี 2024 นี้"
ประธานวินฟาสต์ประเทศไทยกล่าวอีกว่า สำหรับรุ่น VF e34 ซึ่งเป็นรถยนต์ Sub Compact Crossover ขุมพลังไฟฟ้า 100% ที่เราได้เปิดตัวครั้งแรกในโลกไปเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2021 ซึ่งมีเสียงตอบรับจากผู้ใช้งานทั่วโลกเป็นอย่างดี โดยมีฐานการผลิตหลักอยู่ที่โรงงาน VinFast Trading and Production LLC ประเทศเวียดนาม เราเชื่อมั่นว่ารถรุ่นนี้จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้ใช้งานชาวไทยได้ โดยเรามีกำหนดส่งมอบรถยนต์ล็อตแรกแก่ผู้ใช้งานชาวไทยราว 1 เดือนหลังการเปิดตัวในเดือนมิถุนายน
"ในเบื้องต้นเราอยากจะสำรวจกระแสตอบรับของตลาดในประเทศไทยก่อนว่า ผู้บริโภคชาวไทยจะให้ความสนใจกับโมเดลรถรุ่นไหนมากที่สุด นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงยกทัพรถยนต์ทุกโมเดลของวินฟาสต์มาโชว์ในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้เป็นปีแรก โดยเราต้องการประเมินว่าผู้บริโภคชาวไทยให้ความสนใจรถยนต์รุ่นไหนของเรามากที่สุด เราอาจจะมีการยืดหยุ่นในแง่ของแผนการนำรถเข้ามาจัดจำหน่าย"
ประธานหญิงแห่งวินฟาสต์ยอมรับว่า ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในไทยค่อนข้างแข่งขันสูง ซึ่งค่ายรถแต่ละแบรนด์ต่างก็มีจุดแข็งในแบบของตัวเอง แต่สำหรับวินฟาสต์แม้เป็นค่ายรถหน้าใหม่ในตลาดประเทศไทย แต่ก็ชูจุดแข็งที่ไม่เหมือนใครในตลาดอีวี "วินฟาสต์มีรถยนต์ในหลากหลายรุ่นทุกเซกเมนต์ อีกทั้งเราไม่ได้มีเพียงรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น เรายังมีมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่พร้อมเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเช่นเดียวกัน เราเป็นแบรนด์รถเพียงเจ้าเดียวที่มีทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอีก 5 รุ่น ขณะเดียวกันในแง่ของนโยบายหลังการขาย รถยนต์ของวินฟาสต์ทุกคันจะได้การรับประกันระบบส่งกำลังสูงถึง 7-10 ปี หรือ 160,000-200,000 กิโลเมตร รวมถึงรับประกันแบตเตอร์รี่เป็นเวลา 8-10 ปีโดยไม่จำกัดระยะทาง ซึ่งเป็นบริการหลังการขายที่ยาวกว่าแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าค่ายอื่น
เมื่อถามถึงแผนการลงทุนในประเทศไทย ประธานวินฟาสต์กล่าวว่า ในเบื้องต้น วินฟาสต์จะนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตจากโรงงานในเมืองไฮฟอง ประเทศเวียดนาม มาจัดจำหน่ายยังประเทศไทย ผ่านเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายในประเทศไทย โดยในอนาคตวินฟาสต์กำลังศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนในประเทศไทยเช่นกัน วินฟาสต์ประเทศไทยจะทำหน้าที่เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย ร่วมกับเครือข่ายดีลเลอร์ที่แข็งแกร่งจะทำหน้าที่ขายและบริการหลังการขาย
ทั้งนี้ สำหรับเครือข่ายดีลเดอร์นั้นวินฟาสต์จะเริ่มต้นสร้างเครือข่ายดีลเลอร์ในบริเวณกรุงเทพและปริมณฑลเป็นลำดับแรก ก่อนจะขยายไปยังเมืองใหญ่ทั่วประเทศเบื้องต้นตั้งเป้ามีเครื่อข่ายดีลเลอร์ราว 30-40 แห่ง