โตโยต้า โคโรลล่า ครอส 2024 (2024 Toyota Corolla Cross) เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เพื่อสานต่อการทำตลาดให้กับโตโยต้า (Toyota) โดยในรุ่นใหม่นี้ได้รับการปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอก เพิ่มออพชั่นภายใน พร้อมทั้งปรับการทำตลาดด้วยการปรับลดรุ่นย่อยลง โดยเหลือทางเลือกเครื่องยนต์เบนซินเพียงรุ่นเดียว
โคโรลล่า ครอส ถือเป็นหนึ่งในสินค้าหลักในการทำตลาดของโตโยต้าในประเทศไทย ที่มีทางเลือกให้ลูกค้าทั้งเครื่องยนต์เบนซินและไฮบริด รวมไปถึงออพชั่นที่หลากหลาย และการทำตลาดรุ่นที่มาพร้อมชุดแต่งอย่าง จีอาร์-สปอร์ต (GR-Sport) ซึ่งที่ผ่านมาก็มียอดจำหน่ายมากพอสมควร และยืนหยัดทำตลาดแข่งกับคู่แข่งมากหน้าหลายตา
การปรับตัวในคร้้งนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อการทำตลาดของรถในกลุ่มบี-ครอสโอเวอร์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้า เอชอาร์-วี (Honda HR-V) นิสสัน คิกส์ (Nissan Kicks) หรือแม้แต่กับพี่น้องร่วมค่ายอย่าง โตโยต้า ยาริส ครอส (Toyota Yaris Cross) เอง ก็ถือว่าน่าจะได้รับผลกระทบจากการปรับตัวของผู้นำตลาดรถยนต์ในเมืองไทยครั้งนี้เช่นกัน
มีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่น่าสนใจบ้าง มาติดตามกันได้เลย!!!
ราคาจำหน่าย 2024 Toyota Corolla Cross
โตโยต้า โคโรลล่า ครอส โฉมปี 2024 ได้มีการยกเลิกการทำตลาดไฮบริดรุ่นเริ่มต้นอย่าง HEV Smart ไป ทำให้เหลือการทำตลาดเพียง 4 รุ่นย่อยเท่านั้น และมีการปรับชื่อเรียกของไฮบริดรุ่นท๊อปจาก HEV Premium Safety และหันมาใช้ชื่อ HEV Premium Luxury แทน โดยมีราคาจำหน่ายในแต่ละรุ่นดังต่อไปนี้
Toyota Corolla Cross HEV GR-Sport ราคาจำหน่าย 1.254 ล้านบาท (ราคาจำหน่ายเดิม 1.254 ล้านบาท)
Toyota Corolla Cross HEV Premium Luxury ราคาจำหน่าย 1.204 ล้านบาท (ราคาจำหน่ายเดิม 1.204 ล้านบาท)
Toyota Corolla Cross HEV Premium ราคาจำหน่าย 1.094 ล้านบาท (ราคาจำหน่ายเดิม 1.094 ล้านบาท)
Toyota Corolla Cross 1.8 Sport Plus ราคาจำหน่าย 9.99 แสนนบาท (ราคาจำหน่ายเดิม 9.99 แสนบาท)
ปรับรูปลักษณ์ภายนอก ดูคล้ายรถพลังงานใหม่มากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ ของรถที่ภายนอก เกิดขึ้นที่ด้านหน้าทั้งหมด ด้วยการเปลี่ยนชุดกระจังหน้าและกันชนหน้าที่ทำให้รถมีความเหมือนกับรถยนต์พลังงานใหม่มากขึ้นกว่าเดิม ล้ออัลลายแบบทูโทนขัดเงาขนาด 18 นิ้ว พร้อมด้วยสัญลักษณ์ HEV ในรุ่นไฮบริด ติดตั้งไฟหน้าแบบแอลอีดี พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential ไฟท้าย LED Light Guiding ลายใหม่ ขณะที่รุ่นท็อปยังได้หลังคาพาโนรามิก กลาสรูฟ แบบไร้กรอบ มาเพิ่มความหรูหราให้กับตัวรถมากขึ้นไปอีก
เปลี่ยนสีเบาะ เติมออพชั่นห้องโดยสารจัดเต็มกว่าเดิม
เปิดประตูเข้ามาในห้องโดยสารก็จะพบกับเบาะโดยสารสีใหม่ ที่เข้ากับกับสีตัวถังภายนอก โดยมีให้เลือกระหว่างสีแดง Dark Rose ที่ีมีให้เลือกแค่ในรุ่นไฮบริดและสีดำตกแต่งด้วยสีน้ำตาล ที่มีให้เลือกในทุกรุ่น เปลี่ยนหน้าจอแสดงผลการขับขี่เป็นดิจิตอล 12.3 นิ้ว พร้อมไวร์เลสชาร์จเจอร์ 15 วัตต์ใน 2 รุ่นท๊อป ขณะที่สองรุ่นล่างจะได้หน้าจอแสดงผล 7 นิ้ว แต่ทุกรุ่นจะได้หน้าจอกลางขนาด 10.1 นิ้วที่รองรับการเชื่อมต่อแอนดรอยด์ออโต้และแอปเปิลคาร์เพลย์แบบไร้สาย รวมถึงระบบเบรกมือไฟฟ้าและระบบ Auto Brake Hold แถมยังมาพร้อมช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบ USB-C ที่ด้านหลังอีกด้วย
อัดออพชั่นความปลอดภัยให้มากขึ้่นไปอีกขั้น
นอกเหนือจากอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายที่กล่าวมา โตโยต้ายังได้ติดตั้่งอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยให้กับรถยนต์ของพวกเขา แต่หลัก ๆ ก็จะอยู่ในรุ่นท็อปเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกล้องวีดีโอบันทึกภาพทั้งด้านหน้าและหลังของรถ ระบบช่วยเตือนขณะจอดรถ พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ พร้อมกล้องมองภาพรอบคันที่ปรับคุณภาพของภาพในเวลากลางคืน เพิ่มมุมมองและปรับโหมดภาพใหม่ ขณะที่ออพชั่นอื่น ๆ ที่ให้มาก็มีฟังชั่น Stop&Go ในระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบเตือนมุมอับสายตาและระบบเตือนเมื่อถอยจอดที่ให้มาครบทุกรุ่น รวมถึงสัญญานกะระยะด้านหน้า-หลังที่ได้มากน้อยต่างกันไปตามรุ่นย่อย
ชุดแต่ง Urban Prestige รวมถึงออพชั่นที่เลือกได้
นอกจากนี้ โตโยต้ายังได้เปิดตัวชุดแต่งรุ่นใหม่ที่เรียกว่า Urban Prestige ที่วางจำหน่ายที่ราคา 2.39 หมื่นบาท ที่ประกอบไปด้วยสเกิร์ตกันขนหน้า-หลัง คิ้วกันกระแทกข้างประตู และคิ้วตกแต่งประตูท้าย รวมถึงแอคเซสซอรี่ที่สามารถเลือกแต่งได้ ไม่ว่าจะเป็นชุดตกแต่งกันชนหน้า โลโก้ตัวอักษรบนฝากระโปรง ชุดบังโคลน และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่สามารถติดตั้งได้ตามต้องการ โดยหากติดตั้งกับผู้แทนจำหน่ายของโตโยต้าก็จะได้รับการรับประกันนานสูงสุด 3 ปีหรือ 1 แสนกิโลเมตร ตามเงื่อนไขที่โตโยต้ากำหนด
แม้จะเป็นไมเนอร์เชนจ์ แต่ก็ถือว่าปรับมาเยอะเหมือนกันนะนี่...